วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

5 ไอเดียอาหารเช้า ช่วงลดน้ำหนัก 

5 ไอเดียอาหารเช้า ช่วงลดน้ำหนัก

 อยากผอม ต้องการลดน้ำหนัก อย่าคิดพึ่งวิธีการอดอาหารเชียวนะ บางคนอาจทรมานตัวเองด้วยการอดมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น แต่มื้อที่คุณขาดไม่ได้เลยนั้นคือมื้อเช้า และนี่คือรายการอาหารเช้าที่ช่วยคุณได้ในช่วงลดน้ำหนัก

 1.ข้าวโอ๊ต

          เป็นหนึ่งในเมนูแนะนำของมื้อเช้าเลย เหมาะกับคนทุกวัยและทุกรูปร่าง เป็นตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดระบบการย่อยในทางเดินอาหาร เรียกได้ว่าเคลียร์พื้นที่ในลำไส้นั่นแหละ ช่วยลดปริมาณระดับคอเลสเตอรอลที่ร่างกายจะได้รับเข้ามา ข้าวโอ๊ตหนึ่งถ้วยใส่นม หรือเติมช็อกโกแลตด้วยเล็กน้อยก็พอช่วยให้คุณอิ่มท้องได้แล้ว คาร์โบไฮเดรตในข้าวโอ๊ตช่วยเติมพลังให้คุณได้โดยที่ไม่มีแคลอรีสูงด้วย

 2.ผลไม้สด

          เริ่มต้นเช้าวันใหม่ เติมความสดชื่นด้วยผลไม้สด ๆ ชุ่มฉ่ำ เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายและขจัดสารพิษตกค้าง องุ่นสักพวง แอปเปิ้ลสักลูก หรือกีวีฝาน ช่วยให้ทั้งพลังงานและเติมความสดชื่น กินคู่กับนมหรือกาแฟสักแก้ว ก็จะได้สุดยอดอาหารเช้าไดเอ็ตแล้ว

 3.ซีเรียลกับนม

          สองคู่หูแสนอร่อย โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ คอร์นเฟล็กซ์กับนมอย่างง่าย ๆ นี้ให้พลังงานกับร่างกายคุณได้แน่นอน โดยไม่เพิ่มไขมันที่คุณย่อมไม่ต้องการ อาจเติมผลไม้ลงไปสักหน่อย เช่น พีช เบอร์รี่ หรือแอปเปิ้ล เป็นอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ ที่ดีต่อการไดเอ็ตอย่างมาก

 4.สลัดผัก

          เหมาะกับช่วงหน้าร้อนอาจเป็นเมนูที่น่าเบื่อสำหรับบางคน แต่ก็ไร้ไขมันส่วนเกินนะ กินคู่กับผลไม้และนมสักหน่อยก็ช่วยให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉงได้ การกินผักสดตั้งแต่หัววันเป็นเรื่องดีมาก เพราะเป็นการเปิดทางให้ระบบย่อยอาหารนั้นโล่งสะดวก พร้อมรับอาหารในตลอดทั้งวันที่เหลือ

 5.มิลค์เชค

          นม ชา หรือกาแฟปั่นนั้น เหมาะกับคนที่ชอบดื่มพวกชา และกาแฟมาก เพราะให้แคลอรีค่อนข้างสูงพอที่จะเติมพลังให้คุณ แต่ต้องคอยควบคุมน้ำตาล อย่าให้หวานเกินไปล่ะ เพราะจะกลายเป็นเพิ่มน้ำหนักให้คุณได้



       สำหรับชาวไทยจะมีคำพูดติดปากว่า มังคุดคือราชินีแห่งผลไม้ และทุเรียนคือราชาแห่งผลไม้มายาวนาน แต่สำหรับพวกฝรั่งแล้วเค้ายกให้มะม่วง เป็นราชาแห่งผลไม้... 

มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ไม่สูงและเป็นแห่งรวมของเบตาแครอทีนวิตามินและโพแทสเซียม

ซึ่งมีประโยชน์กับร่างกายและสุขภาพของเรา ชาวอเมริกันชอบมะม่วงมาก เพราะฤดูกาลของมะม่วงจะมีแค่เดือนพฤษภาคมและมิถุนายน
การ รับประทานมะม่วงสุกจะทำให้ได้รสชาติหวานสดชื่น มะม่วงที่สุกงอมได้ที่จะมีกลิ่นหอมและรสชาติดีมาก แต่ถ้าไม่สามารถหาซื้อมะม่วงสุกได้ ท่านก็สามารถซื้อมะม่วงดิบที่ยังเป็นสีเขียวมาเก็บไว้ที่บ้าน และทิ้งไว้รอเวลาสุกงอม  - เทคนิคในการบ่มมะม่วงให้สุกของพวกเขาคือนำมะม่วงใส่ไว้ในถุงกระดาษรวมกับ แอปเปิ้ล เพื่อรักษาอุณหภูมิให้พอเหมาะ

การหั่นมะม่วงสุก ควรหั่นมาตามแนวยาวของเมล็ดก่อนแล้วจึงหั่นแบ่งเป็นชิ้นย่อยๆอีกครั้ง หั่นแบบนี้กับมะม่วงทั้งสองฝั่ง มิฉะนั้นแล้วถ้าท่านตามแนวขวางของผลมะม่วงก่อน จะทำให้มะม่วงที่ท่านหั่นออกมาเละ

สำหรับคุณค่าทางโภชนาการของมะม่วงนั้นมีมากมาย เรามาดูกันว่ามะม่วงมีประโยชน์อะไรบ้าง

สรรพคุณทางยา :

มะม่วงดิบ : มะม่วงดิบสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้และวิงเวียนศีรษะได้ และยังช่วยลดอาการกระหายน้ำ

มะม่วงสุก : มะม่วงสุกเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดอาการท้องอืด

สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจจากสูตรสมุนไพรไทย เปลือกมะม่วงดิบ สามารถนำมาคั่วกับน้ำตาลรับประทานแก้อาการปวดเมื่อยเมื่อมีประจำเดือน แก้ปวดประจำเดือนได้อีกด้วย

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ๑๗๔/๒๕๕๕
ระดมความคิด
ใบประกอบวิชาชีพครูสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบปริญญาทางการศึกษา
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา - ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมระดมความคิด เรื่อง "แนวทางการได้มาซึ่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบปริญญาทางด้านการศึกษา" เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่ห้องประชุมกำแหง พลางกูร
รมว.ศธ. กล่าวว่า ได้ขอให้ที่ประชุมพิจารณารายละเอียดการปรับแก้ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๖ มาตรา ๔๔ (ก)(๓) ที่กำหนดคุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม ต้องผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตาม ที่คุรุสภากำหนด ทั้งนี้เพื่อเปิดช่องให้ผู้ที่จบสาขาวิชาชีพอื่น เช่น วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ที่มีความรู้สามารถเป็นครูได้ โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเรียนปริญญาด้านการศึกษาอีก ๑ ปี
นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า ปัญหาขาดครูโดยเฉพาะในสาขาวิชาขาดแคลน ส่วนหนึ่งมาจาก พ.ร.บ.สภาครูฯ ได้กำหนดให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพควบคุมที่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ดังนั้น รมว.ศธ.จึงต้องการเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.สภาครูฯ เพื่อเปิดโอกาสให้คนดี คนเก่งเข้ามาประกอบวิชาชีพครูได้ โดยเฉพาะมาตรา ๔๔ (ก)(๓) ที่ต้องปรับแก้ เพื่อเปิดช่องให้คณะกรรมการคุรุสภากำหนดคุณสมบัติผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้แตกต่างจากข้อบังคับเดิมได้ หากมีเหตุผล และความจำเป็น หรือหากแก้กฎหมายไม่ได้ เพราะอาจมีขั้นตอนยุ่งยาก และต้องใช้เวลานาน ก็อาจจะออกเป็นกฎ หรือประกาศ ศธ.เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ซึ่งสภาการศึกษาจะรวบรวมความคิดเห็นจากหน่วยงานและบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอ รมว.ศธ.ภายใน ๑ เดือน
สำหรับมาตราที่เกี่ยวข้องในการปรับแก้ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๖ มีดังนี้
  • าตรา ๔๔ ได้กำหนดให้ผู้ขอใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีบริบูรณ์ (๒) มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง และ (๓) ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด โดยลักษณะต้องห้าม มีดังนี้ (๑) เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี (๒) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๓) เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่คุรุสภาเห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
  • มาตรา ๔๕ การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การกำหนดใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การขอรับใบแทนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข
    ที่กำหนดในข้อบังคับของคุรุสภา ซึ่งผู้ขอรับใบอนุญาต ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตหรือผู้ขอรับใบแทนใบอนุญาต ซึ่งคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพพิจารณาวินิจฉัยไม่ออกใบอนุญาต ไม่ต่ออายุใบอนุญาต หรือไม่ออกใบแทนใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการคุรุสภาภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการไม่ต่อใบอนุญาต หรือการไม่ออกใบแทนใบอนุญาตไม่ตัดสิทธิผู้ขอที่จะประกอบวิชาชีพที่ได้รับอนุญาตต่อไป ทั้งนี้ จนกว่าคณะกรรมการคุรุสภาจะได้มีคำวินิจฉัยถึงที่สุด


วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


เริ่มแล้ว! โครงการ 'ไข่แลกยาเก่า' สธ.หวังคนไทยใช้ยาลดลง


สธ.ผุดโครงการ "ไข่แลกยาเก่า" เริ่ม ก.ค. 55 อัดฉีดงบจังหวัดละ 100,000 บาท หวังส่งเสริมให้ประชาชนใช้ยาลดลง หลังพบข้อมูลคนไทยใช้ยาเฉลี่ยปีละ 100,000 ล้านบาท...

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 55 นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการไข่แลกยาเก่าว่า ขณะนี้มีความคืบหน้า โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่ และได้จัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในโครงการนี้จังหวัดละ 100,000 บาท โดยได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกสำรวจตามบ้านต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ และจะเริ่มเปิดรับแลกยาในวันที่ 2–5 ก.ค. 2555 พร้อมกันที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศ รวมกว่า 10,000 แห่ง

นายวิทยา กล่าวว่า ยาเก่าที่จะแลกไข่ครั้งนี้ ประชาชนสามารถนำยาแผนปัจจุบันทุกชนิด ทั้งชนิดที่ซื้อเอง หรือได้รับจากสถานพยาบาลต่างๆ ทั้งรัฐหรือเอกชน ไม่รวมยาสมุนไพร โดยจะแจกไข่คืนแก่บ้านที่นำยาเก่าไปแลก ให้ครอบครัวละ 5 ฟองเป็นอย่างน้อย ทำอาหารได้ 1-2 มื้อ ไข่ที่แลกขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของพื้นที่ บางแห่งอาจเป็นไข่ไก่ ไข่เป็ด หรือไข่เค็ม หากไม่มีไข่ อาจจะเป็นมะนาวก็ได้ วัตถุประสงค์หลักของโครงการไข่แลกยาเก่านี้ เพื่อรณรงค์ประชาชนให้มีความตระหนักในการใช้ยา และใช้ยาให้เกิดประสิทธิภาพต่อการรักษาอาการเจ็บป่วย

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดคนไทยพบใช้ยาเฉลี่ยปีละ 100,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะทำให้ทราบถึงขนาดปัญหาการใช้ยาของคนไทย ว่ามียาเหลือใช้ตกค้างตามบ้านเรือนจำนวนเท่าใด และวิธีการเก็บรักษา โดยมอบหมายให้ นพ.นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบบริหารจัดการ และจะประเมินผลกลางเดือน ก.ค. 2555

ด้าน นพ.นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยาเก่าที่รับคืนทั้งหมด จะให้เภสัชกรของโรงพยาบาลต่างๆ เป็นผู้วิเคราะห์ คัดแยก โดยยาเก่าที่หมดอายุแล้วจะรวบรวมส่งไปที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำลาย และขั้นต่อไปในปีหน้ากระทรวงสาธารณสุขจะปรับระบบบริหารจัดการยาให้มีประสิทธิภาพขึ้น โดยรณรงค์ให้ประชาชนใช้ยาดีและมีคุณภาพตามนโยบายรัฐบาล โดยให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้ความรู้เรื่องยาและปรับแก้พฤติกรรมการกินยาของประชาชน มีระบบการปรึกษาปัญหาการใช้ยาทั้งยาแผนปัจจุบันและเพิ่มการให้ความรู้ยาสมุนไพร ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งเป็นหมอประจำครอบครัว ดูแลคนละ 300 ครัวเรือน ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขฯ (อสม.) ติดตามดูแลเรื่องการใช้ยาเหล่านี้ด้วยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เพิ่มความคุ้มค่าการใช้ยายิ่งขึ้น

รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า สาเหตุที่มียาเก่าเหลือตกค้างตามบ้านเรือนมาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ 1. การซื้อยากินเอง กินแล้วอาการไม่หาย 2. นำยาของคนอื่นที่ที่มีอาการป่วยคล้ายกันมาใช้แทน 3. เก็บยาไม่ถูกต้อง ทำให้ยาเสื่อมสภาพ 4. ประชาชนไม่ดูวันหมดอายุยา 5. ลืมกินยา 6. รักษาหลายโรงพยาบาลทำให้รับยาหลายขนานซ้ำซ้อน และ 7. ประชาชนพึ่งยามากกว่าพึ่งตนเอง เพราะเชื่อว่าหากป่วยแล้วมียารักษา.

ขยายขั้นวิ่งเงินเดือนครู
ชง ครม.เอาใจคุณครู เพิ่ม "ขั้นวิ่ง" เงินเดือนบุคลากรการศึกษาคาด 1 หมื่นรายได้ประโยชน์ 
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ กระทรวงศึกษาธิการจะเสนอ ครม.ให้อนุมัติหลักการ ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่า หรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ(ฉบับที่...) พ.ศ. .... 
สาระสำคัญร่างกฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าวกำหนดให้ครูหรือบุคลากรการศึกษาที่ได้เงินเดือนระดับ คศ.2 คศ.3 และ คศ.4 ได้ปรับฐานอัตราเงินเดือนขั้นสูงเพิ่มขึ้น ดังนี้คศ.2 ปรับเพิ่มจาก 37,830 บาทต่อเดือน เป็น 37,900 บาทต่อเดือน ระดับ คศ.3 ปรับขึ้นจาก 53,080 บาทต่อเดือน เป็น53,820 บาทต่อเดือน ระดับ คศ.4 ปรับขึ้นจาก 62,760 บาทต่อเดือน เป็น 62,820 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ ปัจจุบันระบบข้าราชการครูได้ยกเลิกระบบ "ซี" ไปแล้ว และกำหนดให้มีแท่งเงินเดือนขึ้นมาแทน เรียกว่า คศ.มีทั้งหมด 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มครูผู้ช่วย 2.กลุ่มครูทั่วไป เรียกว่า คศ.1 3.กลุ่มครูชำนาญการ เรียกว่า คศ.2 4.กลุ่มครูชำนาญการพิเศษ เรียกว่า คศ.3 5.กลุ่มครูเชี่ยวชาญ เรียกว่า คศ.4 และ 6.กลุ่มครูเชี่ยวชาญพิเศษ เรียกว่า คศ.5 
อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราเงินเดือนระดับ คศ.ทั้ง 3 ระดับ เพิ่มขึ้นคิดเป็นไม่ถึง 0.01% แต่ต้องปรับเพื่อทำให้ขั้นวิ่งของเงินเดือนข้าราชการครูระดับสูงที่เงินเดือนตันแล้ว ได้มีขั้นวิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการครู โดยจะมีครูได้ประโยชน์กว่า 1 หมื่นคน 
นอกจากนี้ ร่าง ก.ค.ศ.ยังกำหนดอัตราเงินเดือนของครูผู้ช่วย และข้าราชการครูและบุคลากรการศึกษาที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะสูงขึ้น โดยให้ได้เงินเดือนในขั้นหรืออัตราที่กำหนด 

วิธีขจัดคราบโรออนที่ติดใต้วงแขนเสื้อ 

1.ละลายเกลือกับน้ำ เอาแบบเค็มสุดๆ ไปเลย น้ำไม่ต้องมากนะคะประมาณถ้วยน้ำพริกเล็กๆแต่ผสมกัน      แล้วให้เค็มๆ ก็ำพอ น้ำมากก็เปลืองเกลือค่ะ เพราะเราใช้แค่เฉพาะจุดที่เป็น 

2.นำบริเวณที่เป็นคราบจุ่มลงไปในน้ำเกลือ ขยี้พอให้น้ำเกลือซึมเข้าไปในเนื้อผ้าทุกอนู

3.แล้วตามด้วยน้ำยาล้างจานทันที (บีบใส่ลงไปเลยแบบเข้มข้น)

4.แล้วขยี้หรือแปรงก็ได้ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ (จุ่มน้ำเกลือแล้วบีบน้ำยาล้างจานใส่) คราบจะออกไปเกือบ      100% เลยทีเดียว  สูตรนี้คิดค้นเอง ลองแล้ว เห็นผลจริงๆ บอกมาเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ทุกคนค่ะ 

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555


วิธีลดน่อง วิธีลดต้นขา ขาอ่อนเรียว

วิธีลดน่อง 

1. วิ่งโหย่งๆ หรือวิ่งด้วยปลายเท้า โดยที่ส้นไม่ต้องสัมผัสพื้น 5 นาที 
2. วิ่งยาวๆ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้ายาวๆ ย่อเข่าเล็กน้อย และก้าวเท้าซ้ายออกไปลักษณะเดียวกัน วิ่งแบบนี้ขึ้นเนินทำเซ็ตละ 1 นาที 5 ครั้ง 
3. วิ่งยกเข่า วิ่งด้วยปลายเท้าและยกเข่าให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เซ็ตละ 30 วินาที 5 เซ็ต 
4. เตะเท้าไปที่ก้น เหมือนการวิ่งเหยาะๆ แต่ให้เตะเท้าไปที่ก้น เซ็ตละ 30 วินาที 5 เซ็ต 

วิธีลดต้นขา 
ให้นอนหงานราบกับพื้นเเละให้เหยียดขาทั้งสองข้างให้ตรงและตึงและค่อยๆยกขึ้นในกลางอากาศ 
นับ 15-30 ทำประมาณ 3ครั้ง จากนั้น ให้ลองมาปั่นจักรยานกลางอากาศประมาณ 200 ครั้ง 
รับรองได้เลยว่าต้นขาลดลงแน่ แต่ต้องทำเป็นประจำทุกวันนะเพื่อให้เห็นผลเร็วขึ้น 

กระชับบั้นท้าย 

ยืนแยกขาห่างเท่าความกว้างของช่วงสะโพก นิ้วเท้าชี้ไปข้างหน้า วางมือไว้ที่สะโพก 
1. ขณะหายใจออก ค่อยๆงอเข่าให้มากที่สุด แต่อย่าต่ำเกิน 90 องศา ส่วนต้นขาขนานกับพื้น เหยียดแขนไปข้างหน้า 
2. คุณควรทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้า และก็สามารถขยับนิ้วเท้าได้สะดวก แขม่วพุง หย่อนก้นลงหลังจะได้ไม่ตึง ค้างไว้ 30 วินาที ขณะหายใจออก แล้วดันตัวขึ้นสู่ท่าเริ่มตอนหายใจเข้า จากนั้นก็พักทำวันละห้าครั้ง แล้วจะเห็นผลภายในหนึ่งเดือน 

ขาอ่อนเรียว 

เตรียมตัวให้ดีสำหรับท่านี้ ซึ่งจะออกกำลังขาอ่อนด้านในและนอกสุดๆ 
วิธีทำ ยืนตรงแยกขา มือเท้าสะเอว ย่อเข่าขวาลงแล้วก้าวเท้าออกมาข้างหน้ากระทั่งขาอ่อนขวาขนานกับพื้น อย่าให้เข่ายื่นเลยข้อเท้าขวา ค่อยๆรั้งเท้าซ้ายกลับกดแนบพื้นเพื่อสร้างแรงต้านกระทั่งเท้ามาคู่กันและกลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำกับขาซ้าย ทำข้างละ 15-20 ครั้ง

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

http://xn--22c1bm1byar9c5k.blogspot.com/2012/01/5_29.html

สูตรเครื่องดื่มสำหรับลดหน้าท้อง ลดพุงและล้างสารพิษในลำใส้

แนะนำสูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผิวพรรณ สูตรเครื่องดื่มสำหรับลดหน้าท้อง ลดไขมัน และล้างสารพิษ ช่วยในระบบการขับถ่ายที่ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการลดน้ำหนัก และผิวพรรณที่เปร่งปลั่ง เต่งตึง การขับถ่ายของร่างกายที่เป็นปรกตินิสัยจะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีในทุกด้าน

ข้อเสียของการมีไขมันหน้าท้องมากเกินไป การมีไขมันเกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามมีการดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

1. ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
2. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศีรษะ
3. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
4. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
5. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
6. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้
7. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไปด้วย

การมีไขมันนห้าท้องย่อมไม่เป็นที่พึงประสงค์ของทุกคน การที่มีไขมัน บริเวณช่วงหน้าท้องมากเกินไป หรือระบบการขับถ่ายไม่ค่อยดีจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและบุคคลิกภาพ ดังนั้นเราควรใส่ใจสุขภาพ วันนี้เราเอาเป็นเครื่องสุขภาพ สำหรับตอนเช้าเพื่อลดหน้าท้องและไขมันในระบบการย่อยมากฝากกัน วิธีทำและส่วนผสมมีดังนี้
ส่วนผสม 

1. โยเกิร์ตรสจืด ครึ่งถ้วย
2. นมสดรสจืด 1 กล่อง
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. มะนาว 1 ลูก

วิธีทำ 

1.นำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามใจชอบ

วิธีการดื่ม 

ควรดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร (มื้ออื่นไม่เห็นผล) เนื่องจากช่วงเวลาเช้า (06.00 – 08.00) เป็นช่วงที่กระเพาะต้องการอาหารและหลั่งน้ำย่อยมากที่สุด ดังนั้นช่วงนี้เป็นการปลุกระบบการขับถ่ายทีดีในตอนเช้า สำหรับมะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น

สรรพคุณ 

เครื่องดื่มนี้เป็นสูตรเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่ยาลดน้ำหนัก ลดความอ้วนโดยตรง แต่จะไปปรับธาตุของร่างกาย ให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น ช่วยล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมันในระบบการขับถ่ายได้ ซึ่งหากทานเป็นประจำจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของการขับถ่าย ซึ่งกินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และจะมีการไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อย ควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุกวันระยะเวลา 1-3 เดือน นอกจากนี้อย่าลิมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

5 วิธีออกกำลังกายลดต้นแขนให้ดูดี

clip_image002
1. ต้นแขนด้านใน
ท่าแรกง่ายๆ กับการบริหารต้นแขนด้านใน หาเก้าอี้สบายๆ มาซักตัวและขวดน้ำขนาดกำลังพอดีมือซักใบ นั่งตรงขอบเก้าอี้ ถือขวดน้ำไว้ในมือขวา จากนั้นค่อยๆ โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ ยันเข่าเพื่อพยุงตัวขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเอาข้อศอกข้างขวาไปยึดไว้กับเข่าขวาด้านใน แล้วยกขวดน้ำเข้าหาไหล่เหมือนยกดัมเบลเลยค่ะ ทำแบบนี้ซัก 20 ครั้ง แล้วค่อยสลับด้านเป็นทางซ้ายเพื่อความสมดุลแล้วทำต่ออีก 20 ครั้ง เป็นอันจบท่าที่ 1

clip_image004
2. ต้นแขนด้านนอก
ต่อทันทีด้วยท่าที่ 2 บริหารต้นแขนด้านนอก คราวนี้มาอยู่ในท่ายืนสบายๆ แต่แยกเท้าและงอเข่าเล็กน้อย มือขวาถือขวดน้ำใบเดิมยกขึ้นเหนือศรีษะ จากนั้นงอข้อศอกส่งขวดน้ำไปข้างหลังจนจรดต้นคอ กลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้ประมาณ 30 ครั้ง แล้วสลับข้างเหมือนเดิมค่ะ

clip_image006
3. ไหล่
ท่าที่ 3 เสร็จการบริหารแขนแล้วมาบริหารช่วงไหล่กันบ้าง ยังใช้ขวดน้ำเหมือนเดิมแต่เพิ่มขึ้นอีก 1 ใบ ถือขวดน้ำไว้ในมือทั้งซ้ายและขวาข้างละใบไว้ วางลอยไว้ที่ระดับสะโพก แล้วค่อยๆ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศรีษะ จากนั้นเหวี่ยงแขนไปข้างหลัง วนเป็นรูปวงกลม ซักประมาณ 10 รอบ ระวังอย่าเหวี่ยงแรงไปนะคะ อาจเกิดอาการบาดเจ็บได้หรือไม่ขวดอาจจะลอยหลุดมือไปโดนอะไรเสียหายเข้า

clip_image008
4. ไหล่และหลัง
หลังจากนั้นมาต่อด้วยท่าที่ 4 ซึ่งยังได้ผลในช่วงไหล่อยู่แต่จะเพิ่มการกระชับกล้ามเนื้อด้านหลังด้วยเพื่อ ให้ส่งผลถึงแขนนั่นเองค่ะ ท่านี้ให้ยืนแยกเท้าและงอเข่าเล็กน้อย จากนั้นหาหนังสือเล่มขนาดกำลังพอดีมาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง ข้างละ 2-3 เล่ม วางหนังสือพักไว้ตรงหน้าขาแล้วค่อยๆ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงถึงระดับไหล่ ชูแขนเหยียดตรงแล้วเกร็งกล้ามเนื้อพร้อมๆ กับค่อยๆ ลดแขนลงช้าๆ ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 ครั้งจึงหยุดและเปลี่ยนเป็นท่าสุดท้าย

clip_image010
5. อกและแขน
ท่าสุดท้ายคือการบริหารช่วงอกและแขน กลับมาที่เก้าอี้ตัวเดิมนะคะ คราวนี้ให้ตั้งเก้าอี้วางชิดผนังเอาไว้ แล้วเอามือของเราไปเกาะที่ขอบเก้าอี้ ทรงตัวดีๆ เหยียดแขนตรง ยืนบนปลายเท้า แล้วค่อยๆ งอศอกดึงตัวเข้าหาเก้าอี้ให้ใกล้ที่สุด จากนั้นยืดแขนออก ทำซ้ำไปมาแบบนี้ซัก 30 ครั้ง เป็นอันจบครบทุกกระบวนท่าค่ะ


หนึ่งสัปดาห์เป็นช่วงเวลานานพอที่คุณอาจลดน้ำหนักลงได้ถึงประมาณ 1.4 กิโลกรัม หากอยากดูผอมเพรียวลงกว่าที่คุณเป็นอยู่อย่างกะทันหัน ในช่วง 7 วันนี่ล่ะคุณยังพอมีเวลา
เมื่อคุณกินตามสูตรนี้เป๊ะตลอด หนึ่งสัปดาห์ น้ำหนักจะลดลงได้แน่ และเมื่อทำตามสูตรนี้ต่อไปก็จะลดน้ำหนักได้มากขึ้น
เริ่มที่มื้อเช้า : ซีเรียล 1 ถ้วยใส่นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย
เบรกช่วงเช้า : ผลไม้อะไรก็ได้ 1 ชิ้น
มื้อกลางวัน : สลัดผักออร์แกนิกกับเนื้อไก่ย่างปริมาณ 1 ถ้วย ราดด้วยน้ำสลัดใสหรือน้ำสลัดอิตาเลียน
ของว่างตอนบ่าย : ผลไม้ 2 ชิ้น
มื้อเย็น : เนื้อปลาอบหรือไก่ย่างขนาด 1 จานเสิร์ฟ กับผักนึ่ง และสลัดผักราดน้ำสลัดใสหรือน้ำสลัดอิตาเลียนเช่นกัน


ผัก ผลไม้



สูตรความงามแบบประหยัด (หัวจรดเท้า) (Momy Pedia)

เขียนโดย  พริบพราย

          ครีมบำรุงผิวก็หมด ครีมหมักผมก็เหลือแค่ค่อนขวด เลยไปค้นดูข้าวของในบ้านเราว่ามีอะไร บำรุงบำเรอความงามโดยไม่ต้องซื้อหา เรามีสูตรเด็ดมาฝากค่ะ
           ใบหน้า  มะนาวเพื่อความหมดจด 
          น้ำมะนาวนี่ละค่ะ นำมาผสมกับไข่ขาวสามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างดี

          สำหรับสาวผิวมัน  บีบน้ำมะนาวผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง ตีไข่ขาวให้เป็นฟอง และเทลงกระทะพร้อม น้ำมะนาวตั้งไฟอ่อนๆ จนกระทั่งขึ้นฟูหนา ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 2-3 นาที และเช็ดออกด้วยสำลีชุบน้ำหมาดๆ

           ใบบัวบก  ชะลอวัย

          ใบบัวบกที่แสนดี จะเป็นผู้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ถ้าอยากจะยืดระยะเวลาความเต่งตึงไว้นานหน่อย ไปตลาดซื้อใบบัวบกสดๆ มาปั่นหรือตำให้ละเอียดแล้วกรองเอาแต่น้ำ ใช้สำลีชุบน้ำพอกหรือทาบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก ทำทุกวันก่อนนอนนะคะ

           ผิวพรรณ  ขัดตัวด้วยน้ำตาล

          เราใช้น้ำตาลทรายเม็ดใหญ่ๆ เป็นสครับขัดผิวได้ค่ะ ด้วยน้ำตาลทราย 1 ถ้วยผสมครีมอาบน้ำในบ้าน ประมาณ 2 ช้อนชา นำมานวดให้ทั่วตัว บริเวณไหนแห้งมากก็นวดให้ละเอียดลออกว่าส่วนอื่นหน่อย เช่น ข้อศอก หัวเข่า ล้างออกด้วยน้ำเย็น ผิวพรรณจะสดใสเปล่งประกาย

          หรือชโลมผิวด้วยน้ำผึ้งผสมมะนาว   ใช้น้ำมะนาว 1 ถ้วย ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ถ้วย หรือ ประมาณเอาเองก็ได้ค่ะว่า อัตราส่วน 1 ต่อ 2 ผสมให้เข้ากันล้างเนื้อล้างตัวพอ สะอาด นำน้ำผึ้งผสมมะนาวให้ทั่วเรือนร่าง ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นกับสบู่ เช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าเป็นสาวผิวแห้งเติมน้ำในส่วนผสมเสียหน่อยค่ะ

           ผมเงางาม  มะพร้าวเพื่อผมเสีย

          สำหรับผมแห้งเสีย เพื่อการบำรุงที่ลึกล้ำ ลองผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา กับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนชา นวดให้ทั่วศีรษะ ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก ก่อนสระด้วยแชมพูอีกครั้ง

           มะกรูด  ขจัดรังแค

          สระผมด้วยแชมพูให้สะอาดหมดจดแล้ว ใช้มะกรูด 1-2 ลูก ใส่น้ำ 3-5 แก้ว ต้มให้เดือด ทิ้งไว้จนอุ่นแล้วขยำหรือบดลูกมะกรูดที่ต้มแล้วให้ละเอียด กรองเอาเนื้อและกากออก นำน้ำมะกรูดมาชโลมผม ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วจึงล้างออก ทำอาทิตย์ละ 3 ครั้งก็พอค่ะ

           บอระเพ็ด  แก้ผมหงอก 
          นอกจากป้องกันผมหงอกก่อนวัยแล้ว ยังช่วยดูแลผมไม่ให้ร่วง เสีย ใช้บอระเพ็ด สดตำให้แหลก ใส่ในน้ำซาวข้าวกะเอาพอประมาณ ตั้งทิ้งไว้สักครู่ กรองคั้นเอาแต่น้ำ นำมาหมักผมทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออก ทำอาทิตย์ละครั้งค่ะ

           ถนอมมือ  มือนุ่มด้วยข้าวโอ๊ต 
          ใช้ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับนม 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกันพอเข้ากันได้ดีแล้ว นำมาทาถูมือทั้งสองข้าง ล้างออกแล้วทำซ้ำอีกรอบ จะช่วยให้มือทั้งขาวขึ้น และนุ่มขึ้น สำหรับคนที่กลัวแพ้ ก็ทดลองใช้ทีนะนิดก่อนก็ได้ค่ะ

           พืช สมุนไพร หรือของก้นครัวที่มีอยู่ในบ้าน มีประโยชน์ต่อเรามากมายกว่าที่คิดนะคะ 

          ความสวยไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับเครื่องประทินโฉมราคาแพงเสมอไป  ถ้าเรารู้จักเลือกใช้อย่างฉลาดนะคะ

น้ำมะนาวรักษากระได้จริงหรือ?


รักษากระด้วยมะนาวได้จริงหรือ? เชื่อหรือไม่ว่า นอกว่าจากครีมรักษากระ ฝ้า ราคาแพงๆ ที่วางขายกันอยู่ตามท้องตลาดแล้ว คุณยังสามารถรักษากระได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาสารหรือครีมเหล่านั้นเลย ในวันนี้ทางทีมงานจะมาแนะนำวิธีรักษากระโดยวิธีธรรมชาติ และท่านทั้งหลายสามารถทดลองทำกันได้เองที่บ้านโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ สูตรที่เราจะนำมาแนะนำในวันนี้คือ น้ำมะนาวสดซึ่งเป็นสมุนไพรรักษาฝ้าชนิดหนึ่ง และยังมีคุณสมบัติที่สามารถนำมาใช้รักษากระได้เช่นกัน โดยวิธีการคือ เลือกมะนาวสดมาซัก 2-3 ลูก หั่นเป็นชิ้นๆ จากนั้นบีบเอาเฉพาะน้ำ ใช้นิ้วแตะน้ำมะนาวสดที่คั้นเสร็จใหม่ๆ จากนั้นนำมาทาบริเวณที่เกิดกระให้ทั่ว น้ำมะนาวจะช่วยทำให้รอยกระหลุด ลอกร่อนออกไปได้ เนื่องจากน้ำมะนาวสดมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ...
วิธีลบรอยแผลเป็นจากสิวด้วยแอปเปิ้ลเขียว 
  • เริ่มต้นด้วย การล้างหน้าให้สะอาด ใช้ผ้าซับให้แห้ง 
  • จากนั้นนำเนื้อแอปเปิ้ลเขียวครึ่งผล ผสมกับน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ บดรวมกันให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  • ทาให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณที่เป็นแผลเป็น 
  • ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก 


คำถาม: ดื่มน้ำเยอะๆ สามารถรักษาสิว หรือป้องกันสิวได้จิงหรือไม่? และ ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาด ใส จริงหรือไม่?

คำตอบ: คำตอบคือ ไม่ ในทางทฤษฏีฟังแล้วเหมือนดูดี แต่จริงๆ แล้วมันยังไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีการศึกษาตามหลักวิชาการใดๆ พิสูจน์ได้ว่าการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว จะทำให้ผิวสะอาด ใส และสุขภาพดี มันเป็นเพียงความเชื่อที่พูดต่อๆ กันมาเพียงเท่านั้น

ดื่มเมื่อตอนกระหายน้ำ
การดื่มน้ำควรดื่มเมื่อคุณกระหายน้ำ หากคุณไม่กระหายน้ำ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดื่ม


ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว
ปัจจัยที่ทำสิวเกิดมากขึ้นได้แก่ ความเครียด ภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย และความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร

การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญ
แม้ว่าเราจะไม่จำเป็นจะต้องดื่มน้ำให้ครบวันละ 8 แก้ว แต่เราก็ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายต้องการ เพราะน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่สามารถขาดได้ สำหรับใครที่กำลังดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น น้ำถือว่าเป็นเครื่องดื่มหลักที่ควรดื่ม มากกว่าพวกเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือน้ำอัดลม
ตำแหน่งสิว บนผิวหน้า บ่งบอกอารมณ์และโรคร้ายได้อย่างคาดไม่ถึง

          
สีหน้าและแววตา ใช้สื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ ได้ แต่ผิวหน้าของคนเราก็สามารถสื่อถึงสุขภาพภายในร่างกายได้เหมือนกัน 

        วิธีการสังเกตถึงสุขภาพภายในร่างกายของเราหรือของคนใกล้ตัวเรานั้น  ด้วยศาสตร์ใหม่จากการวิเคราะห์สภาพผิว Face Mapping กระบวนการพิสูจน์และวิเคราะห์สภาพผิวด้วยศาสตร์ตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาความคิดเบื้องต้นที่ว่า"ผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่างกายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ"ทำให้เข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดปัญหาสุขภาพผิว

          ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิว จากศูนย์สุขภาพผิวเลียวนาร์ด เดรก ได้นำเสนอแนวทางการป้องกันโดยมีหลักในการวิเคราะห์สภาพผิวแบบ Face Mapping นั้นจะเป็นการวิเคราะห์สภาพผิวที่ละเอียดกว่าการวิเคราะห์ผิวโดยทั่วไป  โดยแบ่งส่วนใบหน้า  ลำคอ และแผ่นอกออกเป็น 4 โซน

สิวบอกโรค

สิวบอกโรค : โซนที่ 1 และโซนที่ 3 ถ้ามีปัญหาสิวบริเวณนี้ คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ดังนั้นอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

          สิวบอกโรค : โซนที่ 2  สิวบริเวณหว่างคิ้ว เกี่ยวกับตับ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การทานอาหารรสจัดหรือทานอาหารดึกเกินไป 

          
สิวบอกโรค : โซนที่ 4 และโซนที่ 10 ผิวบริเวณหูนี้เป็นผลพวงของไต หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง

          สิวบอกโรค : โซนที่ 5 และโซนที่ 9  บริเวณแก้มทั้งสองด้าน โดยแก้มส่วนบนจะเกี่ยวข้องกับไซนัสและปอด ส่วนแก้มส่วนล่าง เหงือกและฟัน สาเหตุอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด

          สิวบอกโรค : โซนที่ 6 และโซนที่ 8 ตำแหน่งรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับไต และปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุมาจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ อาจไม่เหมาะสม หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือพักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคือง อาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร

          สิวบอกโรค : โซนที่ 7  ผิวบริเวณจมูกและริมฝีปาก แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด

          สิวบอกโรค : โซนที่ 11 และโซนที่ 13 หากผิวบริเวณนี้แตกระแหง สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกราม หรือปัญหาเกี่ยวกับฟัน

         สิวบอกโรค : โซนที่ 12 สิวเรื่อๆ บริเวณคางนี้ สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องลำไส้เล็ก ที่มีผลจากการรับประทานของเผ็ด

          สิวบอกโรค : โซนที่ 14 หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังเครียดสูง

          นี่เป็นเพียงแค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อยของการวิเคราะห์สภาพผิวหน้าที่ทำให้ รู้ได้ถึงสุขภาพภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เราทราบได้ว่าจะต้องดูแลบำรุงทั้งสุขภาพภายในและภายนอกอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีทั้งสีหน้า แววตาและผิวพรรณที่เป็นสุขได้แล้ว
วิธีรักษาสิวหัวดำด้วยวิธีธรรมชาติ


วันนี้ทางทีมงานขอแนะนำสูตรมาร์คหน้าด้วยไข่ขาวสำหรับรักษาสิวหัวดำ โดยไข่ขาวจะช่วยกำจัดสิวหัวดำ ความมันและสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณผิดหน้าออกไป หลายท่านนำไปทดลองใช้มาแล้วปรากฏว่าได้ผลดีมากน่ะครับ วิธีมาร์คหน้าด้วยไข่ขาวนี้เป็นวิธีรักษาสิวหัวดำด้วยวิธีธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ ดังนั้นหายห่วงเรื่องอาการแพ้ต่างๆได้เลย สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน ว่ากันแล้วก็มาดูกันเลยครับว่ามีวิธีการทำอย่างไรกันบ้าง

สูตรมาร์คหน้าด้วยไข่ขาว รักษาสิวหัวดำ
สูตรมาร์คหน้าด้วยไข่ขาวรักษาสิวหัวดำ

ก่อนอื่นก็ไปเลือกไข่ลูกโตๆ ขาวๆ อวบๆ อ้วนๆ (เกี่ยวไรหว่า) มาก่อนเลยเลยครับ ตอกไข่ลงชามแล้วแยกเอาเฉพาะไข่ขาว ส่วนไข่แดงก็สุดแล้วแต่ท่านละครับ จะทิ้งหรือจะเก็บไว้เจียวหรือเก็บไว้ทำอย่างอื่นก็สุดแล้วแต่ท่าน จากนั้นนำไข่ขาวที่เราแยกไว้มาตีเบาๆ ให้เข้ากันโดยใช้ส้อม เสร็จแล้วนำไข่ขาวมาทาบริเวณใบหน้าของเรา ขั้นตอนนี้มันจะรู้สึกเหนียวๆ ลื่นๆ บนใบหน้าน่ะครับ ทนๆ หน่อย เพื่อความสวย ความหล่อ

ไข่ขาวรักษาสิวหัวดำ
ไข่ขาวรักษาสิวหัวดำ
ตอนที่ทาไข่ขาวที่หน้าให้ระวังด้วยน่ะครับ อย่าทาบริเวณรอบดวงตา จริงๆ แล้วบริเวณรอบดวงตาไม่มีสิวหัวดำอยู่แล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องทาบริเวณนั้นหรอก พอทาไข่ขาวทั่วบริเวณใบหน้าเสร็จแล้ว ให้อยู่นิ่งๆ อย่างนั้นแหละ อย่าขยับหน้าไปมา จากนั้นรอให้ไข่ขาวแห้ง เมื่อไข่่ขาวแห้งจะรู้สึกได้ว่าหน้าจะตึงๆ เมื่อคิดว่าไข่ขาวแห้งสนิทแล้ว ก็ค่อยๆ ดึงมาร์คไข่ขาวออกทีละน้อย จะรู้สึกได้เลยว่าจะมีพวกเศษผิวหนังที่ตายแล้วและก็พวกสิ่งอุดตันรูขุมขน ตลอดจนพวกสิวหัวดำ สิวเสี้ยนต่างๆ ติดออกมาด้วย

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555


ลมหายใจมีไว้ให้ความหวัง
สร้างพลังดวงจิตอย่าคิดถอย
อย่าอยู่อย่างชีวิตที่เลื่อนลอย
โหยละห้อยเสียกาลและเวลา
อุปสรรคเข้าเผชิญจงเดินสู้
ยอมรับรู้ด้วยใจที่อาจหาญ
ตรึงและตรองแก้ไขอย่านิ่งนาน
รีบประสานเข้มแข็งด้วยแรงใจ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555



เพราะสังคม..ประเมินค่า..ที่จนรวย
คนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่
หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายใน
คนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี ^^


นวัตกรรมและเทคโนโลยี
เรื่อง : CAI ยุคใหม่ก้าวไกลบน Tablet
ประเภท : บทความ

                       
CAI ยุคใหม่ก้าวไกลบน Tablet


                  ปัจจุบันการจัดการเรียนรู้มีการพัฒนาก้าวไกลมาก   การเรียนรู้ของเด็กๆไม่จำเป็นต้องนั่งฟังครูเพียงอย่างเดียว    เด็กๆสามารถค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเองได้จากสื่อต่างๆมากมายและครูก็สามารถเลือกวิธีการสอนได้หลากหลายวิธีเช่นเดียวกัน  CAI เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ครูจะนำมาใช้สอนนักเรียนให้เกิดคุณภาพได้  







                “ CAI คืออะไร”  CAI  ย่อมาจาก Computer Assisted Instruction  แปลว่า  คอมพิวเตอร์ช่วยสอน      CAI  เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องนำเสนอเนื้อหาที่เป็นข้อความ ภาพทั้งที่เป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว  ภาพกราฟิก สัญลักษณ์ทั้งที่เป็น 2 มิติ และ 3 มิติ แสง สี ภาพ เสียง ซึ่งออกแบบไว้ในบทเรียน (มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา , คณะครุศาสตร์ : 1-3)  บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน   CAI   ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งวงการศึกษา    การเรียนกับ  CAI  ช่วยให้เด็กๆกระตือรือร้นในการเรียน เพราะโดยธรรมชาติของเด็ก สื่อคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่เด็กๆอยากค้นคว้าเรียนรู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  เมื่อนำความรู้มาไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อให้เด็กๆศึกษาจึงเป็นวิธีที่ดีไม่น้อย  การเรียนจาก  CAI นอกจากเด็กๆจะได้รับความรู้แล้วเด็กๆยังได้รับการฝึกฝนการใช้คอมพิวเตอร์ไปในตัวอีกด้วย  ถึงแม้ CAI จะช่วยในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ยังมีข้อเสียซึ่งผู้เขียนคิดว่าผู้อ่านหลายท่านก็คงคิดเห็นเช่นเดียวกัน  ข้อดีของ CAI คือ เด็กๆสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างอิสระ ไม่มีการจำกัดเวลา สามารถศึกษาได้ในทุกๆที่  นอกจากนั้นเด็กๆยังเรียนรู้ได้ตามความสามารถอีกด้วย ข้อเสีย  เนื่องจากการเรียนจาก  CAI  ผู้เรียนจะต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์  ดังนั้นปัญหาก็จะตกอยู่ที่เด็กๆตามชนบทที่ห่างไกล เพราะบางโรงเรียนตามชนบทยังขาดแคลนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก  ด้วยเหตุนี้การเรียนการสอนด้วย CAI จึงใช้ได้เฉพาะกับเด็กในชุมชนเมืองเท่านั้น



             จากข้อดีและข้อเสียข้างต้นของ CAI ผู้เขียนคิดว่าคงไม่ใช่ปัญหาและอุปสรรค สำคัญอีกต่อไป เพราะนโยบายของภาครัฐโดยเฉพาะด้านการจัดการศึกษาของรัฐบาลปัจจุบัน จะเน้นด้านการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้ทัดเทียมนานาชาติ โดยมีนโยบายส่งเสริมให้นักเรียนในทุกพื้นที่ทุกระดับชั้นใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต (Tablet) เพื่อการศึกษา โดยจะเริ่มใช้จากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นชั้นเรียนนำร่อง ดังนั้น นโยบาย “แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา” จึงกลายเป็นเครื่องมือด้านสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่สำคัญและมีอิทธิพลค่อนข้างมากต่อการปรับใช้ในการสร้างมิติแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการจัดการศึกษาไทยในยุคสารสนเทศและอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง  

                      ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ผู้อ่านหลาย ๆ ท่านคงสงสัยว่า “แท็บเล็ต (Tablet) ที่ว่านี้คืออะไร”   จากการที่ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าก็พอจะสรุปได้ว่า  แท็บเล็ต (Tablet) เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค พกพาง่าย น้ำหนักเบา มีคีร์บอร์ดในตัว หน้าจอเป็นระบบสัมผัส ปรับหมุนจอได้อัตโนมัติ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่าคอมพิวเตอร์พกพาทั่วไป ระบบปฎิบัติการมีทั้งที่เป็น Android , IOS และ windows ระบบการเชื่อมต่อสัญญาณเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีทั้งที่เป็น Wi-Fi และ Wi-Fi+3G ซึ่งจากคำอธิบายเกี่ยวกับลักษณะและระบบปฎิบัติการของ Tablet จะเห็นได้ว่า การพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่ได้จำกัดเพียงแค่เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นแต่มีการพัฒนาที่ครอบคลุมและก้าวไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการพัฒนาโทรศัพท์มือถือให้มีความสามารถทัดเทียมกับคอมพิวเตอร์จนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “Tablet” ซึ่งอาจกล่าวได้โดยสรุปว่า Tablet ก็คือการผสมผสานความสามารถของคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือเข้าด้วยกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บนระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันไปดังได้กล่าวข้างต้น และในการพัฒนาที่ก้าวไกลนี้เอง Tablet จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอนโดยจะเห็นได้จากนโยบายส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาของรัฐบาลไทยในยุคปัจจุบัน


                                   “CAI จะมาเกี่ยวข้องกับ  Tablet ได้อย่างไร” จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า CAI เป็นหนึ่งในสื่อเทคโนโลยีที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของการคิดการเรียนรู้ และการค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน CAI ได้กลายเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสื่อหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายของวงการศึกษาไทยด้วยคุณสมบัติพิเศษ ของ CAI ที่มีข้อได้เปรียบสื่ออื่น ๆ สามารถแสดงผลได้หลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว เสียงประกอบ และการปฏิสัมพันธ์ (Interactive) บวกกับความสามารถในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ๆ ทำให้เป็นสื่อที่ตอบสนองการเรียนการสอน ในรูปแบบที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (Child Center) ได้อย่างดียิ่ง   เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้า ด้วยกระบวนการที่สามารถคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น เพื่อเป้าหมายให้นักเรียนเป็นคนเก่งคนดี และดำรงตนอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายการแจก Tablet  ให้เด็กนักเรียนเพื่อเป็นการนำเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษามาปรับประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนในรูปแบบใหม่เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และแสวงหาความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีอยู่ในรูปแบบทั้ง Offline และ Online ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสศึกษาหาความรู้ ฝึกปฎิบัติและสร้างองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งหลักการที่สำคัญที่สุดของการนำ Tablet มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน คือ การจัดเนื้อหาให้สอดคล้องกับหลักสูตร และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ Application ที่ใช้บน Tablet  เพื่อรองรับการใช้งานด้านการศึกษา ก็ควรจะเป็นโปรแกรมที่มีความน่าสนใจ ทันสมัยและมีลูกเล่นที่หลากหลาย  และด้วยเหตุนี้เองผู้เขียนจึงมีแนวคิดว่า การพัฒนา CAI เพื่อให้มีบทบาทบนระบบปฏิบัติการของ Tablet น่าจะเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจเพราะในเมื่อนักเรียนทุกคนจะมีเครื่อง Tablet  เป็นของตนเองแล้ว  ในเรื่องของการนำเสนอเนื้อหาบทเรียนใน Tablet  ควรจะมีความน่าสนใจนั่นคือการนำ CAI มาไว้ใน Tablet นั่นเอง ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าจากคุณสมบัติพิเศษของ CAI จะสามารถพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น   เมื่อใช้ CAI กับเครื่องTablet แล้วทั้งผู้สอนและผู้เรียนก็จะมีความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น และสิ่งสำคัญที่ผู้เขียนคิดว่าควรมีการพัฒนานั่นก็คือ รูปแบบของระบบปฏิบัติการ หรือ Application ซึ่งหมายถึงการพัฒนาในเรื่องของการสร้างโปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบน Tablet ที่มีการรองรับจากระบบปฎิบัติการของตัว  Tablet  เอง     เช่น Application สำหรับสร้างสื่อ CAI , Application CAI เพื่อการเรียนรู้บน Tablet เป็นต้น  เพื่อให้ผู้สอนได้ใช้ Tablet เป็นเครื่องมือในการสร้างและออกแบบบทเรียนที่มีความทันสมัย น่าใจและนำเสนอบทเรียนให้แก่ผู้เรียนได้อย่างสะดวก หรืออาจจะเป็น Application ที่รองรับโปรแกรมการใช้งาน CAI ที่สมบูรณ์ซึ่งมีทั้งรูปแบบ Online และ Offline เพื่อลดข้อจำกัดของนักเรียนในพื้นที่ชนบทที่มีปัญหาในเรื่องของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยที่ผู้เรียนสามารถดาวโหลด Application เหล่านั้นมาไว้ใน Tablet เพื่อความสะดวกในการเปิดใช้งาน CAI เป็นต้น ซึ่งการผสมผสานนี้เองอาจจะเป็นตัวเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่มีความน่าสนใจ มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลต่อตัวผู้เรียนได้เป็นอย่างดี  


       แนวโน้มในการการพัฒนา CAI บน Tablet ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นมุมมองใหม่ ๆ ในการนำเสนอเนื้อหาบทเรียนที่มีความทันสมัยและมีจุดดึงดูดความสนใจของผู้เรียนด้วยคุณสมบัติพิเศษของตัว CAI เอง ซึ่งผู้เขียนคิดว่าในอนาคตแนวโน้มในพัฒนาการศึกษาไทยน่าจะมีเรื่องของการเขียนโปรแกรมหรือการสร้างโปรแกรม CAI ยุคใหม่ที่มีความทันสมัยรวมไปถึงการจัดกระบวนการเรียนการสอนในรูปแบบของ CAI บน Tablet เข้ามาเกี่ยวข้องและน่าจะได้รับความสนใจและได้รับการสนับสนุนที่ดียิ่งขึ้น เช่น ในเรื่องของการพัฒนาแอปพิเคชั่นที่เกี่ยวกับ CAI บน Tablet ผ่านระบบปฎิบัติต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อการจัดกระบวนการเรียนการสอนที่น่าสนใจ  ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์และถูกใจทั้งต่อผู้สอนและผู้เรียน ดังหัวข้อบทความที่ว่า “CAI ยุคใหม่ก้าวไกลบน Tablet”  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าการศึกษาของไทยจะพัฒนาไปในรูปแบบใดก็ตาม นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษาก็ควรต้องมีการวางแผนและปรับใช้อย่างรอบคอบเพื่อให้บรรลุผลสูงสุดในทางปฎิบัติและคุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สื่อ เครื่องมือและนวัตกรรมเพื่อการศึกษาก็ต้อง วิเคราะห์รายละเอียดและกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการปรับใช้งานกับผู้เรียนที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงในโลกของยุคสารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่เป้าหมายและประโยชน์สูงสุดในการพัฒนากระบวนการเรียนการสอน  และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาคือ เราจะนำสื่อหรือเครื่องมือทางการศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการศึกษาได้มากที่สุดอย่างไร นั้นคือโจทย์ที่นวัตกรรมต้องคิดและต้องทำให้ได้ เพื่อสนองนโยบายการศึกษาของชาติต่อไป











พ่อทำงาน...อาบแดด...ถูกแผดเผา
ลูกดื่มเหล้า..ฟังเพลง...ครื้นเครงเหลือ

แม่ขายผัก...กินข้าว...เคล้ากับเกลือ
ลูกเอื้อเฟื้อ...พาสาวเที่ยว...เลี้ยวโฮเตล

พ่อหาเงิน...ส่งลูกเรียน...เพียรอุตส่าห์
ลูกติดยา...คบเพื่อนชั่ว...มั่วให้เห็น

แม่กระหาย...ดื่มน้ำคลอง...ตอนกลองเพล
ลูกทะเล้น...จิบวายแดง...แพงจับใจ

พ่ออดอยาก...ไม่เคยบ่น...ทนลำบาก
ลูกมักมาก...เพศสัมพันธ์...มันส์ชิบหาย

แม่ทอผ้า...ปลูกหม่อน...หารายได้
ลูกหญิงชาย...เที่ยวสนุก....โรคติดตัว

พ่อสูบน้ำ...เข้าแปลงนา...ปลูกข้าวกล้า
ลูกมัวเมา...การพนัน...หมั่นหาผัว

แม่หาบน้ำ...เลี้ยงเป็ดไก่...ทำสวนครัว
ลูกใจชั่ว...ใช้เงินเพลิน...เดินหลงทาง

พ่อขายวัว...ส่งควายเรียน...เวียนศรีษะ
ลูกตะกละ...กินฟาสฟู๊ต...พูดกว้างขวาง

แม่ปวดเมื่อย...สู้งานหนัก...ไม่ละวาง
ลูกสำอาง...ใช้ของแพง...แข่งสังคม

พ่อผอมแห้ง...เรื่ยวแรงน้อย...ด้อยอาหาร
ลูกประพฤติ...อันตพาล...ล่าเสพสม

แม่เป็นดอก...ทบต้น...หมดอารมณ์
ลูกเขี้ยวคม...ฆ่าพ่อแม่...ก่อนแก่ตา



หึงอำมหิตอดีตสามีขออดีตภรรยาคืนดีไม่สำเร็จ ฆ่ายกครัวดับ 5 ศพทั้งพ่อ-ญาติ-ลูกหลานเมียเก่าเด็ก 2 ขวบก็ไม่ปราณี เจ็บอีก3ไม่ดับอดีตภรรยาแค่เหยียบท้องที่ตั้งครรภ์กับสามีใหม่บอกขอชีวิตคนอื่นสังเวยไม่ต้องมีความสุขตลอดชีวิต ตำรวจล่าตัวคนใจโหดแล้ว ล่าสุดตำรวจวิสามัญคนร้ายแล้ว ซ่อนตัวไม่ไกลจากบ้านเกิดเหตุ
เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ (20 มิ.ย.) พ.ต.ท.บุญลือ ดอกบัว พงส.สภ.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุผู้ถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ในบ้านเลขที่ 100 หมู่ 7 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม  ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มี 2 ห้องนอน ปลูกอยู่กลางทุ่ง พบผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ทราบชื่อนางลำดวน แซ่ลิ้ม อายุ 53 ปี เป็นเพื่อนบ้านอยู่ติดกัน สภาพถูกยิงด้วยปืนตามลำตัวและศีรษะ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน พลเมืองดีช่วยกันนำส่ง รพ.ศูนย์นครปฐม แต่เสียชีวิตเวลาต่อมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว 4 ราย  ทราบชื่อนายเซ้ง ทับทิม อายุ 80 ปี อดีตพ่อตามือปืน ด.ช.อนุชา ห้วยหงส์ทอง อายุ 10 ขวบ  ด.ช.พิสิษฐ์ ด่านน้อย อายุ 9 ปีหลาน ด.ญ.วรนันท์ ทับทิม อายุ 2 ขวบ บุตรสาวอดีตภรรยากับสามีใหม่ และ  ผู้บาดเจ็บอีก3 รายน.ส.สำเริง อริยะกุล อายุ 56 ปี และ น.ส.ปัญญา สามัญ อายุ 27 ปี ตั้งครรภ์ 8 เดือน มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. และ .38 เข้าตามลำตัวและศีรษะ  อาการสาหัส แพทย์กำลังช่วยชีวิตอยู่ และนางวันดี ทับทิม อายุ 35 ปี ตั้งครรภ์ 2 เดือนเศษ   มีอาการเจ็บครรภ์  ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และ .38 กว่า 15 ปลอก ทั่วบ้านเลือดไหลนอง  เป็นที่สยดสยอง  ตำรวจเก็บกระสุนไว้เป็นหลักฐานและหารอยนิ้วมือแฝง

สอบสวนนางวันดี ให้การอย่างตื่นตระหนกว่า  มือปืนโหดที่ก่อเหตุชื่อนายณัฐวุฒิ สาลี อายุ 48 ปี  เป็นอดีตสามีเลิกกันไปนานกว่า 7 ปี แล้วก็ไปอยู่กับภรรยาในกรุงเทพ แต่ก็ยังโทรศัพท์มาหากัน ส่วนตนมีสามีใหม่เกือบ 3 ปี มีบุตรสาวอายุ 2 ขวบและท้องอีก 2 เดือน หลายวันก่อนสามีเก่าโทรศัพท์เข้ามาขอคืนดี ตนก็ปฏิเสธเนื่องจากมีครอบครัวใหม่แล้ว ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน อดีตสามีโทรมาขู่ ตนจึงไปแจ้งความ แต่ตำรวจไม่สนใจให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องธรรมดาของสามีภรรยา

ต่อมาช่วงตี 4 วันนี้  ขณะตนและบิดารวมทั้งญาติๆ หลานๆ และลูกสาวนอนพักผ่อนอยู่ในห้องนอน 2 ห้อง  โดยสามีใหม่ไม่อยู่บ้าน อดีตสามีขับรถปิกอัพ อีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ลฐ 2782 กรุงเทพมหานคร เข้ามาตะโกนเรียกหน้าบ้าน แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตู อดีตสามีจึงกราดยิงเข้าทางหน้าต่าง และยิงขึ้นฟ้าหลายนัด จนเพื่อนบ้าน ชื่อ นางลำดวน ลุกออกมาดูและตะโกนบอกในบ้านไม่มีใครอยู่ อดีตสามีจึงจ่อยิงศีรษะเสียชีวิตทันที

ต่อจากนั้นอดีตสามีก็พังประตูเข้ามาในบ้าน  ทำให้ทุกคนที่อยู๋ในบ้านตกใจสุดขีด  เนื่องจากสามีเก่ากราดยิงเข้าไปห้องนอนทำให้บิดา ลูกสาวเสียชีวิต ส่วนญาติบาดเจ็บ  ตนพยายามลุกออกมาร้องขอชีวิตทุกคน  แต่อดีตสามีไม่สนใจ เหมือนปีศาจร้ายเข้าสิงกลับใช้เท้าเหยีบกลางอกพร้อมตะโกนด่า กูไม่ยิงมึงแต่กูจะทำให้มึงเจ็บไปตลอดชีวิต พร้อมหันกระบอกปืนยิงใส่บุคคลในครอบครัวตนไม่ยั้ง  ขณะนั้น ด.ช.อนุชา ซึ่งเป็นหลานและนอนอยู่ด้วยกันคลานออกมา อดีตสามีเห็นยังไม่เว้นใช้ปืนจ่อยิงศีรษะ ก่อนขับรถปิกอัพหลบหนีไป

ด้าน พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและนำตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรายละเอียด เบื้องต้นสั่งการให้ชุดสืบสวนออกติดตามไปบ้านมือปืนในเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พร้อมตั้งด่านสกัดในเส้นทางต่างๆ โดยเร่งสอบสวนผู็เกี่ยวข้องและจะออกหมายจับผู้ต้องหาในวันนี้เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญมาก

รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงสายวันเดียวกัน คนร้ายได้โทรศัพท์หาภรรยาคนปัจจุบันซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พร้อมบอกว่าให้รอรับศพตัวเองได้เลย ซึ่งตำรวจได้ตรวจสอบสัญญาณการใช้โทรศัพท์มือถือ พบว่าใช้อยู่ในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี จึงได้ประสานตำรวจภ.จว.สุพรรณบุรีให้ติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเกรงว่าจะฆ่าตัวตายหนีความผิด







ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายณัฐวุฒิ  มือปืนฆ่าล้างครัว 5 ศพก่อเหตุสยองได้หลบหนีไป ตำรวจในพื้นที่จ.นครปฐมบุรีได้ระดมกำลังออกตามล่าตัว จนทราบว่าคนร้ายหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในไร่อ้อยใกล้ที่เกิดเหตุ หลังกลับมาจากจ.สุพรรณ ที่พบสัญญาณโทรศัพท์มือถือ  เจ้าหน้าที่ปิดล้อมพื้นที่ แต่คนร้ายชักปืนยิงต่อสู้ ตำรวจเลยใช้ปืนยิงตอบโต้ หลังเสียงปืนสงบจึงเข้าไปเคลียร์พื้นที่ พบนายณัฐวุฒิ ถูกกระสุนปืนตาย ข้างศพพบอาวุธคู่กายตกอยู่ จึงยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับรายงานให้นายตำรวจผู้ใหญ่ทราบ  ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.และพล.ต.ท.หาญพล  นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว.